hi AURORA
Chapter 10
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงอยากแยกห้องนัก?”
ระหว่างที่ผมกำลังรื้อเสื้อผ้าข้าวของออกจากกระเป๋าเดินทางเพื่อจัดเรียงในห้องนอนใหม่
คุณซอลในชุดเสื้อคลุมสไตล์กิโมโนสีไวน์แดงพิมพ์ลายดอกซากุระก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องพร้อมกับแสงดาว
ผมเผลอเหม่อมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
รู้สึกราวกับว่าลุคสุดเท่ห์ที่เห็นเมื่อตอนหัวค่ำนั้นเป็นเพียงภาพฝันยามโพล้เพล้ของผมเอง
เฮ้อ~ รู้สึกเสียดายแทนยังไงชอบกล
ท่าทางว่าตอนเลือกเพศให้เขา พระเจ้าคงลังเลน่าดู
“นี่คุณหัวลูกชิ้น หลับในหรือไง?” คุณซอลถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาะ
เขาทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างบนเตียงใหม่ของผม กระดิกเท้าเบาๆ พลางลูบขนแสงดาวเล่นอย่างเพลินมือ
“ผมชื่อ ยู” ผมสะบัดหัวไล่เรื่องฟุ้งซ่านออก
แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสาบชุดคลุมที่แหวกขึ้นไปจนแทบเห็นถึงโคนขาขาวนั่นอีก..
โอ ไม่นะ
“ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก”
“เพราะคุณแสงดาวเนี่ยนะ? ไม่เห็นเข้าท่า”
คุณซอลเบ้ปาก ก่อนบ่นอุบ
“นึกว่าเราใจตรงกันแล้วซะอีก”
ใจตรงกันงั้นเหรอ?
เอ้อ อันที่จริงผมเองก็คิดงั้นเหมือนกันนะ
แล้วตกลงว่ามันใช่หรือเปล่า? ..เอ๊ะ ชักงง
“ใจตรงกันแล้วไง?” ผมละสายตาจากขาอ่อน มามองหน้าเจ้าของขาด้วยสายตารู้ทัน
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่? หืม?”
“แล้วนายล่ะ กำลังคิดอะไรอยู่?” อีกฝ่ายยกยิ้มยั่วอย่างคนรู้ทันไม่แพ้กัน
เขาอุ้มแสงดาวลงจากตัก มันส่งเสียงร้องขัดใจ ก่อนจะสะบัดตูดเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์
คงเพราะไม่ใช่ห้องตัวเอง แสงดาวเลยไม่ดื้อดึงอยู่ต่อสินะ..
ว่าไปเจ้านี่ก็เข้าใจอะไรง่ายกว่ามนุษย์บางจำพวกอีกนะ
ผมว่า
“ว่าไงล่ะ?” คุณซอลถามอีก เขาเอนตัวไปข้างหลัง
สองมือเท้าที่นอน สลับขาไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายๆ
แต่สาบเสื้อคลุมน่ะแหวกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ทั้งข้างล่างข้างบน.. ยั่วเก่งชะมัดเลยแฮะ
ที่น่าเจ็บใจคือผมกำลังรู้สึกตื่นเต้นไปกับมันด้วยนี่สิ
“.........” ผมมองคนที่กำลังให้ท่าอยู่บนเตียงอย่างชั่งใจ
ไม่ใช่ไม่อยากหรอก
ผมเองก็ห่างหายจากเซ็กส์มานานเหมือนกัน
แต่มันมีเหตุผลสองข้อที่ทำให้ผมต้องยั้งใจเอาไว้ก่อน
หนึ่ง..คือพรุ่งนี้คุณซอลต้องไปซ้อมเดินแบบให้แบรนด์
ฌอง ปอล อะไรสักอย่าง(เขาบอกแล้วแต่ผมขี้เกียจจำ)ซึ่งจะจัดแฟชั่นโชว์จริงในวันมะรืนนี้
มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้เขาขึ้นไปเดินขาถ่างบนแคทวอล์คทั้งแบบนั้น
และสอง..ผมไม่แน่ใจว่าพวกเกย์นี่เขาทำกันยังไง?
เท่าที่เคยได้ยินมาก็น่าจะเป็นข้างหลัง แต่...ข้างหลังเนี่ยนะ?
ผมยังไม่เคยเข้าข้างหลังใครมาก่อนเลย..
แม้แต่คิดก็ไม่เคย.. จนกระทั่งมาเจอเขานี่ล่ะ
“เฮ้อ.. ผมว่าผมกลับไปนอนก่อนดีกว่า” ขณะที่ผมยังคิดไม่ตก
คุณซอลก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตู “พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าด้วยสิ”
!!..
ก่อนที่สมองจะทันได้สั่ง
ขาก็พาตัวผมก้าวตามไปคว้าเอวคนที่กำลังจะออกจากห้องตามคำเรียกร้องของร่างกาย.. ได้ยินเสียงหัวเราะลงคอดังมาจากคนข้างหน้า
แต่ผมไม่อยากจะคิดอะไรแล้วตอนนี้ พอได้กลิ่นสบู่ผสมกับกลิ่นเฉพาะตัวของเขาก็ทำเอาผมแทบหน้ามืด
สูญสิ้นซึ่งสติสัมปชัญญะ
“อุตส่าห์มาหาถึงที่แล้ว.. คุณคิดจะกลับไปจริงๆ
งั้นเหรอ?”
ผมใช้ปากดึงคอเสื้อคลุมหมิ่นเหม่บนไหล่ของคุณซอลให้เลื่อนหลุดลง
ก่อนกดจูบลงไปบนหัวไหล่ขาวเนียนของเขา ลากลิ้นขึ้นไปตามลาดไหล่ ต้นคอ จนถึงติ่งหู
ผมใช้ฟันขบหยอกเย้ามันเบาๆ
พอได้ใกล้ชิดสนิทแนบเนื้อกันขนาดนี้
ก็ดูเหมือนความต่างของส่วนสูงจะชัดขึ้นมานิดหน่อย
อันที่จริงผมเคยเข้าไปดูโปรไฟล์ของคุณซอลในเว็บไซด์ของ เอเจนซี่ที่เขาสังกัดอยู่เหมือนกันนะ
เลยรู้ว่าเขาสูงตั้ง 187 เซนติเมตรแน่ะ
ใส่รองเท้าเบอร์ 9 ขณะที่ผมสูงแค่ 179
แถมยังใส่ร้องเท้าเล็กกว่าเขาหนึ่งเบอร์
แต่เพราะความสวยงามเซ็กซี่ของเขาทำให้ผมไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อน
จนถึงตอนนี้...
แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
เพราะความสูงไม่ได้มีผลในแนวราบ..
จริงไหม?
“เพราะดูเหมือนใครบางคนจะไม่ต้องการ” คุณซอลหัวเราะร่วน
ผมได้ยินเขากดล็อคประตูดังกริ๊ก ก่อนจะพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับผม
“ผมแค่ไม่มั่นใจ..” ผมดันจนหลังเขาไปติดประตู
ดูดปากสีชมพูของเขาเบาๆ แล้วผละออกคลอเคลีย “ผมไม่เคยทำมันมาก่อน”
“จะห่วงอะไร นายมีครูดีอยู่ทั้งคน” เขากระซิบตอบ
ลากลิ้นจากริมฝีปากของผมไปจนถึงใบหูบ้าง
แยงลิ้นอุ่นชื้นของตัวเองเข้าไปให้ผมขนลุกเล่น
“ขอคำชี้แนะด้วยครับ” ผมทำแบบเดียวกับที่เขาทำ แต่เขาเอียงหูหลบผมพลางหัวเราะ
“วันนี้นายดูกระตือรือร้นจังนะ” เขาดันหน้าขาข้างหนึ่งขึ้นมาเบียดเป้ากางเกงผม
ก่อนเลิกคิวสูง ส่งสายตาล้อเลียน
“หือ? รู้สึกแล้วเหรอ? ไหนว่าเป็นผู้ชายไง..
ทำไมมีปฏิกิริยากับเกย์?”
“เพราะเป็นผู้ชายน่ะสิ ถึงรู้สึกง่าย..” ผมเบียดตัวเองเข้าไปบดกับหน้าขาของเขามากขึ้นอีก
ส่วนมือก็ยกเรียวขาอีกข้างที่โผล่พ้นสาบเสื้อของคุณซอลขึ้นมาเกี่ยวเอวตัวเองเอาไว้
ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสกันจริงจัง แต่อุณหภูมิในห้องกลับไต่สูงขึ้นที่ละหลายองศา..
ไม่นึกว่าประสบการณ์เป็นเกย์ครั้งแรกของผมจะร้อนฉ่าตั้งแต่เริ่มแบบนี้
“ก็คุณเล่นยั่วเก่งขนาดนี้..แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ”
ตอนนี้ไหล่เสื้อทั้งข้างร่วงลงไปกองแถวข้อศอกเขาแล้ว
“ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” แต่เขายังคงเล่นตัวยั่วกิเลสผมต่อไป
ยังไม่ยอมเคลิ้มตามง่ายๆ แม้ว่าผมจะเพียรจูบตรงนั้นตรงนี้จนเกือบจะทั่วช่วงบนของเขาแล้วก็ตาม
..สงสัยต้องลงล่างแฮะ
“แต่คืนนี้มันต่างออกไปนี่นา”
“ยังไง? ก็ผมคนเดิม”
ผมรู้ว่าเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้
“แต่ผมไม่เหมือนเดิม.. ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้คิดอะไร”
ผมลูบมือไปตามต้นขาข้างที่เกี่ยวเอวผมอยู่ ก่อนจะล้วงเข้าไปขยำแก้มก้นเนียนๆ
ของเขาอย่างมันส์มือ
ให้ตาย.. นี่ก้นผู้ชายจริงเหรอ? ทำไมมันถึงเรียบลื่นนุ่มมือขนาดนี้?
จริงๆ
แล้วผิวเขามันก็เรียบลื่นไปทั้งตัวนั่นแหล่ะ หรือนี่จะเป็นผลมาจากการแช่น้ำนม? งั้นผมขอส่งเสริมให้เขาแช่มันบ่อยๆ
เลย ..ผมชอบ
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” เขาส่งเสียงเซ็กซี่ใกล้หูผม
“ผมอยากปล้ำคุณ”
จบคำผมรวบทั้งตัวเขาขึ้นเอว แล้วพาเดินมาที่เตียง..
โชคดีที่เตียงอยู่ใกล้
ไม่งั้นผมคงได้มีเข่าอ่อนบ้างล่ะ ไม่คิดว่าเขาจะหนักขนาดนี้ เห็นผอมๆ เพรียวๆ แท้ๆ
“ชัดเจน ทราบแล้ว ห้ามเปลี่ยน” คุณซอลหัวเราะ
เขาปล่อยมือที่เกาะคอผม ทิ้งตัวลงนอนหงายยั่วน้ำลายอยู่บนเตียง
ตอนนี้เสื้อคลุมที่เขาใส่มันหลุดลุ่ยจนแทบไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ผมโถมตัวหวังจะลงไปทาบทับ แต่ถูกอีกฝ่ายเอามือยันอกไว้ ผมเลิกคิ้วแปลกใจ
แต่คุณซอลยกยิ้มพอใจ
เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
สองมือลูบคำสะโพกผมไปมา ขณะที่สายตาก็จับจ้องใบหน้าผมแบบไม่ละไปไหน
และก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว อีกฝ่ายก็เกี่ยวขอบกางเกงนอนรวมทั้งกางเกงในของผมลง
เผยให้เห็นยูริน้อยที่กำลังตื่นตัวแถมยังตื่นเต้นสุดๆ จนกระตุกระริกต่อหน้าเขา
“ไม่เลวนี่..” คุณซอลพึมพำพอใจ แล้วค่อยๆ
ใช้มือทักทายกับมันก่อน..
ตอนแรกเขาแค่จับมันเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ
รูดเป็นจังหวะ และทวีความเร็วและแรงขึ้นตามลำดับ
..มือของคุณซอลอาจไม่นุ่มนิ่มเท่ามือพวกผู้หญิง แต่กลับทำให้ผมรู้สึกดีได้มากกว่าที่เคย
เทคนิคมันคงอยู่ที่วิธีจับและจังหวะในการขยับ อีกอย่างเขาเองก็มีเหมือนผม
คงต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าควรทำยังไง หรือสัมผัสแบบไหนถึงจะรู้สึกดี
ผมที่เริ่มมีอารมณ์มากขึ้นสวนทางกับสามัญสำนึกและความยับยั้งชั่งใจใดๆ
โน้มตัวลงไปจูบแก้มเขา จูบซับไปเรื่อยๆ จนถึงใบหู
แล้วจึงกระซิบบอกความต้องการของตัวเอง
“ใช้ปากให้ผมหน่อยสิ..นะ”
คุณซอลไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาไถลตัวลงจากเตียงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหลังได้ยินคำขอ
วินาทีถัดมาผมก็รับรู้ได้ถึงปลายลิ้นชื้นแฉะที่แตะลงบนส่วนปลายของผมเอง..
“อ่ะ..อืม” ผมขยำผมสีบลอนด์ของคนที่กำลังตั้งใจปรนนิบัติอย่างต้องการหาที่ระบายความพลุ่งพล่าน
“สุดยอด..”
เวลาผ่านไปแค่ไม่นาน แต่ความอัดอั้นอยากระบายของผมกลับพุ่งสูงขึ้นจนแทบทะลุขีดปรอท..
“พอๆ ผมจะถึง..” ผมรีบดันหัวอีกฝ่ายออก
แต่มันก็ยังช้าเกินไป เพราะน้องชายของผมปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าเลอะปากคุณซอลไปหมด
ดีนะที่เขาไม่ได้กลืนมันเข้าไป ผมรีบเอาเสื้อนอนของตัวเองไปเช็ดหน้าให้เขาอย่างรู้สึกสำนึกผิด
“ขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ..ไม่ได้ตั้งใจ”
“นายเป็นพวกนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำหรือไง?” คุณซอลยกยิ้มมุมปาก
พลางดันตัวกลับขึ้นมานั่งบนเตียงตามเดิม
“เพราะคุณมันเก่งเกินไปต่างหาก”
คราวนี้ผมโถมตัวเข้าใส่เขาโดยไม่ถูกห้ามอีก
จึงพากันล้มกลิ้งไปบนเตียงนอน เราหยุดขยับเมื่อคุณซอลพลิกขึ้นมานอนทับบนอกผม
ผมกอดเอวเขาเอาไว้หลวมๆ
เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“อยากให้ผมทำแบบเมื่อกี๊ให้ด้วยหรือเปล่า?”
“ทำได้หรือไง?” คุณซอลถามยิ้มๆ ราวกับอ่านใจผมออก
เอาจริงๆ นะ ผมไม่มั่นใจหรอกว่าตัวเองจะทำได้
อย่าว่าแต่ปากเลย แค่มือนี่ผมก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะกล้าแตะหรือเปล่า
ถึงผมจะตัดสินใจลองเป็นเกย์ดูสักตั้งแล้วก็เหอะ
แต่เรื่องแบบนี้มันก็ทำใจไม่ง่ายเลยนะ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนหรอก ค่อยๆ
ปรับตัวให้ชินไปทีละนิดดีกว่า”
นอกจากจะไม่บังคับจิตใจกันแล้ว
คุณซอลยังเข้าอกเข้าใจผมอีกต่างหาก
ผมก็เลยตอบแทนเขาด้วยการแบ่งเอนไซม์ให้เขานานเกือบนาที
“ขอบคุณ..” ผมดูปากเขาอีกทีส่งท้าย ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบนบ้าง
“งั้นเรามาต่อกันเลยดีไหม? ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องตอบแทนคุณบ้างล่ะ”
“ขอแบบถึงใจหน่อยแล้วกัน” อีกฝ่ายยกแขนขึ้นโอบคอผมพลางยิ้มยั่ว
“จะพยายาม..”
จากนั้นทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น
ธรรมชาติเสียจนผมแทบจะไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากเซ็กส์ครั้งอื่นๆ พอผมรุก
คุณซอลก็คอยรับ แล้วพอผมตั้งรับ คุณซอลก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายไล่ล่าบ้าง
จังหวะของเราลื่นไหลจนแทบตัดขาดจากกาลเวลา
แต่ความเพลิดเพลินหฤหรรษ์ของผมก็มีอันต้องสะดุดลง
เมื่อจู่ๆ ก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางที่ค่อยๆ รุกล้ำเข้ามาในร่างกาย...
ทางด้านล่าง? ...ด้านหลัง???
“เดี๋ยว! คุณซอล..” ผมรีบยันตัวขึ้นมา มือหนึ่งดันไหล่เขาไว้ ส่วนอีกมือจับแขนข้างที่กำลังจู่โจมผมเอาไว้
“คุณแหย่นิ้วเข้ามาทำไม?”
“ก็ถ้าไม่เตรียมพร้อมให้ เวลาผมใส่เข้าไปนายก็จะเจ็บน่ะสิ”
คนตอบหน้าตาจริงจัง ดูเป็นงานเป็นการมากกับนาทีนี้
“ใส่...เข้าไป..?” แต่ผมกลับเริ่มซีดเผือด
นึกอยากให้มันเป็นแค่เรื่องล้อกันเล่น
ถึงจะแรงไปหน่อยแต่ผมก็พร้อมที่จะขำนะ ขอเพียงเขาพูดแค่ว่า ‘มันก็แค่โจ๊กน่า’ เหมือนคราวก่อน ผมจะรีบรับมุขเขาโดยการหัวเราะให้ลั่นห้องเชียว ..จริงๆ
“อือฮึ” แต่คุณซอลยังดูมุ่งมั่นจริงจังต่อไป
“ของคุณ?” ผมชี้ไปที่ ‘ซอลฟาน้อย’ (ที่ไม่น้อยเท่าไหร่)เพื่อความแน่ใจ
“อืม” เขาก้มมองของตัวเอง
แล้วเงยขึ้นมาพยักหน้าให้ผม
“เข้ามา?” คราวนี้ผมชี้เข้าหาตัวเพื่อความชัวร์อีกรอบ
คุณซอลพยักหน้าหนักแน่น
ขณะที่ผมรู้สึกถึงการไหลลงของเลือดทั้งหมดในร่างกาย..
ใครก็ได้บอกผมที.. มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
ผมตีความตอนไหนผิดไป?
ทำไม..?
“อึก” จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ..
ผมกำลังคิดอะไรอยู่?
ทำไมถึงปล่อยให้คนที่ดูเหมือนผู้หญิงทำราวกับผมนั้นเป็นผู้หญิงซะเองแบบนี้?
ทำไม..?
“ยู.. โอเคหรือเปล่า?” น้ำเสียงกระซิบห่วงใยจากคนที่กำลังรุกล้ำอธิปไตยทางด้านหลังผมดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากใบหู
ผมเงยหน้าที่ซุกกับหมอนมาพักใหญ่ขึ้นไปดูก็เจอกับตาคู่สีน้ำเงินอมเทาที่เจือทั้งแววอาทรและร้อนแรงอยู่ในเวลาเดียวกัน..
ขณะช่วงล่างที่เชื่อมประสานกันเริ่มขยับเนิบช้ามาตั้งแต่เมื่อครู่
“อือ” คำตอบของผมไม่ได้แปลว่า ‘โอเค’
แต่ผมไม่เหลือแรงจะพูดอะไรแล้วมากกว่า ดูเหมือนการบุกรุกครั้งแรกของเขาจะสูบพลังชีวิตที่สะสมมาตลอดสิบเก้าปีของผมไปเกือบหมด
อย่าว่าแต่พูดตอบเลย นาทีนี้แค่หายใจยังลำบาก..
อันที่จริงเขาน่าจะรู้ด้วยสามัญสำนึกว่าผมต้อง ‘ไม่โอเค’
แน่นอนอยู่แล้ว
ไอ้บ้าที่ไหนจะรู้สึกดีเมื่อมีอะไรยัดเข้ามาในก้นแบบนี้ห๊ะ?
ผมล่ะอยากจะถามเขากลับจริงๆ ให้ดิ้นตาย
“ยู..” แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจไปอีกทาง ถึงได้เอาปากมาประกบปากผมให้ผมหายใจลำบากขึ้นไปอีก
แต่ทั้งที่ควรจะรู้สึกทรมาน น่าประหลาดที่การช่วงชิงลมหายใจของเขากลับทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
อย่างน้อยมันก็ช่วยดึงผมออกจากการจดจ่อกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับช่วงล่างได้ในระดับหนึ่ง..
จากสองแสนสี่หมื่นแปดพันเก้าร้อยระดับ
เว่อร์ได้อีก.. แต่ผมเจ็บจริงๆ นะ ขอร้องเหอะ
เลิกหัวเราะกันสักทีได้ไหม?
ถึงผมจะตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงยอม แต่ผมก็ยอมไปแล้ว
ถึงอยากจะบอกให้เขาหยุดกลางคันหรือถอนไอ้นั่นออก
แต่เรื่องที่ว่าผมโดนเขาล้วงตับไปกินแล้วมันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก
เพราะงั้นผมถึงไม่พูดอะไรไงล่ะ ไหนๆ ก็ปล่อยให้เขาเข้ามาแล้ว จะมาไล่ออกไปตอนนี้คงน่าสงสารแย่..
เลยตามเลยแล้วกัน
ว่าแต่.. นี่ผมคิดอะไรง่ายไปหรือเปล่านะ?
“.........” เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับลักษณะนิสัยของตัวเองยังไงชอบกล
“ยู..ยู...อืม...ยู..” คนข้างหลังยังพึมพำชื่อผมไม่ขาดปาก
จังหวะรุกรานเริ่มรุกเร้ารุนแรงกระแทกกระทั้นมากขึ้นทุกขณะ
ความร้อนรุ่มของอีกฝ่ายยังขยายตัวได้อีกในร่างกายผม ทั้งความอึดอัด ความเจ็บปวด
รวมถึงอารมณ์พลุ่งพล่านที่ถาโถมเข้าหา ผมรับมันมาทั้งหมด
แล้วระบายออกด้วยการกัดหมอนและขยำผ้าปูที่นอนให้แน่นที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
...ในตอนนี้
ผมไม่เคยนึกสงสัยมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายโดน...
ทำไม..?
“ไม่เอาน่า ยู.. นายจะทำตัวหดหู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?”
น้ำเสียงสบายอารมณ์(แล้วก็คงจะสบายตัวด้วย)ของคนที่คุณก็รู้ว่าใครเอ่ยถามมาจากอีกฟากของเตียง
“เงียบน่า.. ผมกำลังไว้อาลัยให้เวอร์จิ้นประตูหลังอยู่”
ผมตอบอู้อี้กลับไป
อันที่จริงผมก็นอนหันหลังให้เขา ซ่อนตัวในผ้าห่ม และซุกหน้ากับหมอนแบบนี้มาพักใหญ่แล้วตั้งแต่เสร็จกิจกามกันไปเมื่อครู่
ได้ยินคุณซอลหัวเราะพรืดออกมา มีอะไรน่าขำมิทราบ?
“งั้นผมต้องสูบบุหรี่ร่วมพิธีด้วยไหม?
แต่ผมไม่ได้พกติดตัวมาด้วยสิ นายพอจะมีให้ยืมบ้างหรือเปล่าล่ะ?”
“หุบปากไปเลย” ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“นี่ ยู..” หลังจากแอบหัวเราะคนเดียวอยู่พักนึง(แต่ผมได้ยินนะ!) เขาก็ส่งเสียงขึ้นมาอีก
ว่าแต่วันนี้เขาเรียกชื่อผมบ่อยจังแฮะ ถ้านับรวมๆ
ก็น่าจะเกินสิบแล้วมั้ง ทั้งที่ปกติเอาแต่เรียกว่า ‘คุณหัวลูกชิ้น’ แท้ๆ
“อะไร?” ผมขานรับ แต่ยังไม่หันไปมองเขา
“นายเสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“คุณจะมาเข้าใจอะไร..”
จู่ๆ ก็ถามอะไรของเขา?
“มีอะไรกับผมมันน่าเศร้าขนาดนั้นเลย?”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้เล่น..” ผมลังเลนิดหน่อยที่จะพูด
แต่สุดท้ายก็พูดออกไปอยู่ดี “มันอยู่ที่ตำแหน่งผู้เล่นต่างหาก”
“นายไม่ชอบหรือไง?”
“แล้วคุณชอบให้ใครเอาอะไรมายัดก้นคุณหรือเปล่าล่ะ?”
“ก็ไม่เห็นห้ามนี่”
“นั่นแหล่ะที่ผมนึกเสียใจอยู่..” เสียงผมค่อยๆ
แผ่วลงจนแทบกลายเป็นกระซิบ “ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย”
ถ้าตอนแรกผมบอกว่า ‘ไม่’
เขาก็คงจะฟัง แล้วก็คงจะหยุดทุกอย่างลงตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่ใช่พวกดึงดัน
แล้วก็ไม่ใช่พวกชอบบังคับฝืนใจ ถึงรูปลักษณ์ของเขาจะดูเหมือนผู้หญิง
และมีนิสัยค่อนข้างจะเอาแต่ใจไปบ้าง(กับบางเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับงานและความงามของเขา)
แต่นิสัยโดยรวมของเขาค่อนข้างจะสุภาพบุรุษพอตัว
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผมดันไม่พูดอะไร
แล้วปล่อยเลยตามเลยนี่แหล่ะ
“ผมไม่ใช่คนแรกใช่ไหม?” อยู่ๆ ผมก็นึกอะไรขึ้นได้
เลยลองถามเขาดู
“หือ?” เขาส่งเสียงแปลกใจ
ผมพลิกตัวนอนหงายอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่สุดเท่าที่จะทำได้(กันกระเทือน)
เลยได้เห็นว่าเขานั่งพิงหัวเตียงอีกด้านอยู่
“ผมไม่ใช่คนแรกใช่ไหม..ที่คุณทำแบบนี้ด้วย?”
เขาลังเลเหมือนไม่รู้จะตอบยังไงในทีแรก(หรือไม่ก็ไม่รู้ว่าผมอยากได้คำตอบแบบไหน)
แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“อืม”
“ค่อยยังชั่ว..” ผมถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่
คุณซอลเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจปฏิกิริยาของผม
“ผมนึกกลัวว่าตัวเองจะเป็นคนแรกที่ตกเป็นเมียเกย์สวยอย่างคุณซะแล้ว
โล่งไปทีที่ไม่ใช่ อย่างน้อยก็เคยมีคนอื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมล่ะน่า”
คุณซอลทำหน้าประหลาด
ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาลั่นห้อง
“นาย..นายไม่ใช่คนแรกหรอก..สบายใจ..ได้” เขาหัวเราะจนน้ำหูน้ำเล็ด
มีอะไรน่าขำนักหนา? ผมจริงจังนะเนี่ย
อยากเห็นหน้าเพื่อนร่วมชะตากรรมจริงๆ จะมีสักคนที่หัวโล้นอย่างผมไหม?
จะว่าไปแล้วสเป็คคุณซอลก็แปลกดีนะ
ผมนึกว่าคนที่จะมารับบทอย่างผม(เขาเรียกอะไรนะ? เกย์ควีนใช่ไหม?)จะต้องดูสาวๆ
หวานๆ หรือให้กลิ่นอายแบบพวกผู้หญิงซะอีก
ไม่คิดว่าบุคลิกแบบผู้ชายธรรมดาหน้าตามึนๆ อย่างผมนี่ก็โดนทิ่มแทง(ข้างหลังทะลุถึงหัวใจ)ได้เหมือนกัน
โลกของเกย์ช่างน่าพิศวง..
“แล้วคุณเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” ผมสงสัยอีก
คุณซอลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “แบบ..ชอบรุกคนอื่นน่ะ เขาเรียกเกย์คิงส์ใช่ไหม?”
“อืม อันที่จริงผมก็เคยลองมาหมดแล้วล่ะ.. ช่วงค้นหาตัวเองน่ะ”
เขายิ้มๆ
ช่วงค้นหาตัวเอง..?
“แล้วผมก็ได้รู้ว่าผมชอบแบบนี้มากกว่า”
“แต่ผมยังไม่รู้ว่าผมชอบแบบไหนมากกว่า” ผมเหม่อมองเพดานพลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ได้ยินอีกคนหัวเราะลงคอคล้ายชอบใจกับอะไรบางอย่าง
“แล้วผมจะทำให้นายรู้ว่านายชอบแบบที่เป็นอยู่นี้ที่สุด”
จู่ๆ หน้าสวยๆ ของคุณซอลก็เข้ามาบดบังทัศนียภาพสีขาวล้วน
และจบลงที่ริมฝีปากของเราแตะกัน
“ขี้โกง..” ผมบ่นตอนที่เขาผละออก
“ผมก็อยากมีช่วงเวลาค้นหาตัวเองบ้างเหมือนกันนะ”
“เสียเวลาเปล่าน่า” คุณซอลโน้มตัวมาเท้าศอกทั้งสองข้างคร่อมหัวผม
หน้าของเราสองคนจึงอยู่ใกล้กัน “เชื่อผมสิ แบบนี้แหล่ะดีที่สุดแล้ว”
“เจ็บก้นจะตาย” ผมเบ้ปากใส่
แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มหวานเอาใจ
“ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“ไม่มีทางชินแน่ๆ”
“อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายน่า”
“คุณมันเข้าข้างตัวเอง” ผมแลบลิ้นเลียปลายจมูกที่มาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
“ถ้านายไม่ชอบที่ผมเข้าข้างตัวเอง
นายก็มาเข้าข้างผมซะเลยสิ” เขางับริมฝีปากล่างผมดึงเบาๆ แล้วหัวเราะ
“ผมอยากเข้าข้างหลังคุณมากกว่า”
“ยังเร็วไปสิบปีนะ อีหนู” เขาเริ่มลากลิ้นลงไปตามลำคอ
แล้วจูบซุกไซร้จนทั่วซอกคอผม ขณะที่มือไม้ของเขาก็เลื้อยต่ำลงไปเรื่อย
“จับตรงไหนของคุณน่ะ?”
“ตรงไหนนะ? เอ..”
“ฮ่ะๆๆ จั๊กจี้น่า”
“ตัวหอมจังเลย ยู”
“ไม่เหม็นเหงื่อหรือไง?”
“กลิ่นฟีโรโมน..”
“บ้าสิ มีได้ไง”
เสียงหยอกล้อของพวกเรายังคงดังไปอีกพักใหญ่
ก่อนความเงียบสงบของอีกค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อนจะเข้ามาแทนที่
ชีวิตในลอนดอนของผมกำลังจะผ่านพ้นไปอีกวัน..
TBC.